ระบบฐานความ รู้ (Knowledge-based)
เป็นระบบที่เก็บรวบรวมข้อมูลไว้ใช้ในการแก้ปัญหา
เพื่อใช้เป็นฐานในการตัดสินใจในการปฏิบัติงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบผู้เชี่ยวชาญ
เป็นระบบที่อาศัยความรู้เป็นพื้นฐาน
เป็นระบบที่มีความเกี่ยวข้องกับการช่วยตัดสินใจ
ซึ่งสามารถใช้ได้กับระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (MIS) ได้ทุกเรื่อง
ระบบผู้เชี่ยว ชาญ [Expert Systems (ES)] หมายถึง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่แสดงความสามารถได้เหมือนกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง
ๆ หรือในงานเฉพาะอย่าง (ทักษิณา สวนานนท์.2539:99) หรือหมายถึงระบบโปรแกรมใช้งาน (Software systems) ซึ่ง
มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันใน เรื่องของกระบวนการในการใช้เหตุผล (Reasoning
process) และให้ข้อมูลเกี่ยกับคำแนะนำ แกผู้ที่ต้องตัดสินใจ
ซึ่งพบในผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์ เช่น ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจมีความรู้สึกอย่างไร
ระหว่างความเสี่ยงกับอัตราการเจริญเติบโตของการลงทุนในโครงการต่าง ๆ
และถ้าลงทุนแล้วจะได้ผลตอบแทนอย่างไร เป็นต้น
และหลังจากที่ได้รับคำตอบจากลูกค้าแล้ว ระบบผู้เชี่ยวชาญก็จะถามต่อไปจนกว่าจะมีการแนะนำแฟ้มเอกสาร
หลังจากนั้นระบบก็จะดึงฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้ มาใช้ (User)
เช่น รายละเอียดตัวหุ้น ประวัติต่าง ๆ รายงานการวิจัย
และการพยากรณ์ทางด้านเศรษฐกิจ
ระบบ ปัญญาประดิษฐ์ [Artificial Intelligence (AI)] หมายถึง
อุปกรณ์ที่ต้องอาศัยการรับคำสั่ง เพื่อสามารถทำงานให้ได้อย่างรวดเร็ว
ภายใต้หน่วยความจำที่มีขนาดใหญ่ หรือหมายถึง
การทำให้คอมพิวเตอร์สามารถคิดหาเหตุผลได้ เรียนรู้ได้ ทำงานได้เหมือนสมองมนุษย์
(ทักษิณา สวนานนท์.2539:13) ซึ่งการำงานมีลักษณะเช่นเดียวกันกับการประมวลผลของสมองมนุษย์
ฉะนั้นความสามารถของคอมพิวเตอร์ทางด้านสติปัญญา
และด้านพฤติกรรมจึงมีลักษณะคล้ายกับมนุษย์
สิ่งที่สำคัญทางด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) มี 2
ประการ คือ (1) ความสามารถที่จะเข้าใจภาษาธรรมชาติ
(2) ความสามารถที่จะให้เหตุผล ดังนั้น
ความหมายของปัญญาประดิษฐ์ (AI) จึงหมายถึง
ความสามารถของระบบคอมพิวเตอร์ที่มีระบบการทำงานคล้ายคลึงกับสติปัญญาของ มนุษย์
จึงถูกเรียกว่าปัญญาประดิษฐ์ [Artificial Intelligence (AI)]
ระบบสำนักงานอัตโนมัติ หรือโอเอเอส [Office Automation System – OAS] โดยสามารถจำแนกระบบสำนักงานอัตโนมัติออกตามหน้าที่เป็น
ระบบสำนักงานอัตโนมัติ หรือโอเอเอส [Office Automation System – OAS] โดยสามารถจำแนกระบบสำนักงานอัตโนมัติออกตามหน้าที่เป็น
1) การสื่อสารภายในสำนักงาน เช่น ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล์
(e-mail) ไปรษณีย์เสียงหรือเมล์เสียง (voice
mail) การประชุมทางไกล (teleconferencing) โทรสาร (fax) เป็นต้น
2) เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักงาน เช่นการประมวลคำ (word processing) การประมวลภาพลักษณ์
(image processing) การพิมพ์ตั้งโต๊ะ
ซึ่งเป็นการผลิตเอกสารที่มีคุณภาพดีการออกแบบกราฟิกและรูปแบบประเภทต่างๆ
(desktop publishing) การแปลงภาพและเอกสารในรูปดิจิทัล (digitization)
3) เพิ่มประสิทธิภาพในการประสานงาน ปฏิบัติงานร่วมกัน เช่น
กรุ๊ปแวร์ (groupware) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สนับสนุนการทำงานร่วมกัน
มีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ประการ คือ การสื่อสาร การร่วมมือ (collaboration)
และการประสานงาน (coordination) ระบบอินทราเน็ต
เป็นทางเลือกที่สำคัญของการใช้ กรุปแวร์
ระบบงานสร้างความรู้
[Knowledge Work Systems – KWS] เป็นระบบที่ช่วยสนับสนุนบุคลากรที่ทำงานด้านการสร้างความรู้เพื่อพัฒนาการคิดค้น
สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ บริการใหม่
ความรู้ใหม่เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในหน่วยงาน หน่วยงานต้องนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาสนับสนุนให้การพัฒนาเกิดขึ้นได้โดยสะดวก
สามารถแข่งขันได้ทั้งในด้านเวลา คุณภาพ และราคา ระบบต้องอาศัยแบบจำลองที่สร้างขึ้น
ตลอดจนการทดลองการผลิตหรือดำเนินการ
ก่อนที่จะนำเข้ามาดำเนินการจริงในธุรกิจ ผลลัพธ์ของระบบนี้
มักอยู่ในรูปของ สิ่งประดิษฐ์ ตัวแบบ รูปแบบ
เป้าหมายของระบบสารสนเทศ
- เพิ่มประสิทธฺภาพ ทำได้รวดเร็ว
ถูกต้อง - เพิ่มผลผลิต ควบคุมขั้นตอนการผลิต วัตถุดิบ ฯลฯ
- เพิ่มคุณภาพในการบริการลูกค้า อำนวยความสะดวกต่างๆ
เช่น การสำรองที่นั่ง ตรวจสอบเวลา
- ผลิตสินค้าใหม่และขยายผลิตภัณฑ์ การพยากรณ์ความต้องการสินค้าของผู้บริโภค รูปแบบสินค้าที่ลูกค้าต้องการ
- สามารถสร้างทางเลือกในการแข่งขัน
เช่นสร้างแบบจำลองที่แตกต่างจากเดิม
- การสร้างโอกาสทางธุรกิจ
- การดึงดูดลูกค้าไว้และป้องกันคู่แข่งขัน การใช้สารสนเทศเพื่อสร้างความประทับให้แก่ลูกค้า
ประโยชน์ของระบบสารสนเทศ
- เข้าถึงสารสนเทศได้อย่างรวดเร็ว และทันต่อความต้องการใช้ประโยชน์
- นำข้อมูลช่วยในการวางแผนปฏิบัติการและการจัดการ
- ใช้ศึกษาและวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา
- สามารถตรวจสอบผลการดำเนินงาน
ว่าสอดคล้องกับเป้าหมายที่ต้องการหรือไม่
- วิเคราะห์ปัญหาหรืออุปสรรคที่เกิดขึ้นเพื่อหาวิธีการควบคุม
- ลดค่าใช้จ่าย ลดเวลา แรงงานและค่าใช้จ่ายในการทำงานลง
ที่มาของเนื้อหา http://www.gotoknow.org/posts/354835
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น